Bravo Music everthing for string player
Email: Password:
New Register | Forget your password?
Log on to System | Forget Password | New Register | Promotion | How to Order? | How to Pay? | How to Deliver? | Tell a Friend | How to choose violin | String guide | Violin Parts | Violin Care & Maintenance | Setup| Dealers Certificate I Rentals Violin & Cello | Violin & Cello Lesson | Musical Instrument Guide | After Service I Vegan Bow I Sound System Term I Amplifiers Class I Type of Guitar I Violin Style I Why? Bravomusic I Violin&Cello Teachers | Free Sheet Music
    ไทย   Your Basket item(s)
Product Search:
Share on
Category
 

Main Menu
Log on to System
Forget Password
New Register
Promotion
How to Order?
How to Pay?
How to Deliver?
Tell a Friend
Tips & Trick
 

   
   
   
   

 

ชมรมดับเบิ้ลเบสไทย
บริการวงดนตรีสำหรับงานวิวาห์และงานโอกาสต่างๆ
ชมรมดนตรี
ห้องอัดเสียง BM Recording Studio ห้องบันทึกเสียงคุณภาพดี
Viloin Style

ทรงต่างๆ ของไวโอลินที่ช่างนิยมทำ Replica ได้แก่

- Nicolo Amati (1596-1684)

- Antonio Stradivari (1644-1737)

- Carlo Testore (1665-1716)

- Guarneri del Gesu (1698-1744)

- Giovanni Battista Guadagnini (1711-1786)

- Nicolo Gagliano (active. c. 1730s – 1787)

 

Nicolo Amati

Nicolo Amati เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 1596 ที่เมืองเครโมนา ประเทศอิตาลี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 เมษายน1684 ที่เมืองเครโมนา ประเทศอิตาลี
เริ่มที่จะประสบความสำเร็จอย่างมากในปี 1620 ภายใต้ชื่อในตระกูล Amati พ่อของเขาเสียชีวิตจากกาฬโรคในปี 1630 คู่แข่งคนสำคัญของเขาคือ Giovanni Paolo Maggini ทำให้ Nicolo เป็นหนึ่งในช่างทำไวโอลินที่มีความกระตือรือร้นเพียงคนเดียวในเมือง Cremona เนื่องจากไม่สามารถสนองความต้องการการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้ เป็นผลให้ลูกศิษย์หลายคนของเขาต้องเข้ามาช่วยผลิต ซึ่งต่อมาได้เป็นช่างไวโอลินรุ่นใหญ่รวมถึง Andrea Guarneri และ Giacomo Gennaro ในขณะที่ไม่มีเอกสารที่ชัดเจนเกี่ยวกับการทำงานในร้านของ Nicolo, Francesco Rugeri, Antonio Stradivari, Giovanni Battista Rogeri และ Jacob Stainer ทั้งหมดล้วนมีวิธีการทำถอดแบบสไตล์มาจากเขาอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญที่สุดคนหนึ่งใน แบบแผนการทำไวโอลินแห่งเมืองเครโมนา

Antonio Stradivari

Antonio Stradivari เป็นช่างทำไวโอลินที่มีชื่อเสียงในยุคทองของไวโอลินแห่งเมืองเครโมนา โดยร่ำเรียนการทำไวโอลินกับ Nicolo Amati และเปิดร้านเป็นของตนเองควบคู่ไปกับการทำงานที่ร้านของ Amatiในปี ค.ศ. 1666 จนกระทั่ง Amati เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1684
จึงเริ่มผลิตผลงานในชื่อของตัวเอง ผลงานที่เป็นตัวตนของเขามากที่สุดผลิตในปี 1715 มีชื่อว่า ”The Cremonese“

Stradivarius - เป็นอักษรภาษาละตินของชื่อสกุล Stradivari Stradivari เขาได้พัฒนารูปแบบไวโอลินของตัวเอง โดยเพิ่มความยาวลำตัวไวโอลินขึ้นอีกเล็กน้อย และลดความป่องของไม้แผ่นหน้าและแผ่นหลังลง และพัฒนาสูตรน้ำมันวานิชขึ้นมาใหม่ เป็นวานิชสีส้มอมแดงเข้มเป็นเอกลักษณ์ ต่างจากรูปแบบเดิมของ Amati ที่ใช้น้ำมันวานิชสีทองไล่เฉดสี

ในระยะหลัง ไวโอลินของเขาได้พัฒนารูปแบบไวโอลินให้มีความกว้างของทรงมากขึ้น ลำตัวค่อนข้างแบน และช่วงกลางลำตัว (C-bout) ที่เป็นเหลี่ยมยิ่งขึ้น โดยเลือกใช้ไม้เมเปิ้ลแผ่นหลังแผ่นเดียว และสองแผ่นที่มีคุณภาพดีที่สุด รูปแบบที่ Stradivari พัฒนาขึ้นนี้ ยังเป็นต้นแบบให้กับช่างทำไวโอลินจนถึงปัจจุบัน ต่อมา Guarneri ได้ พัฒนาความยาวของลำตัวไวโอลินและเปลี่ยนรูปแบบของคอไวโอลินตามความต้องการของนักไวโอลินที่มีชื่อเสียง Nicolo Paganini ในยุคนั้น ต่อมาเรียนกันว่า Modern Neck และยังมีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงนี้ไปถึงไวโอลินของ Strad

ในปัจจุบัน บางครั้งมีการเปรียบเทียบไวโอลินของ Stradivari ว่า ‘Silvery’ และเรียกไวโอลินของ Guarneri del Gesu ว่า ‘Golden’ ลักษณะเสียงและวิธีการเล่นที่แตกต่างกันระหว่าง Stradivari กับ Guarneri นั้นนักไวโอลินหลายท่านอาจชอบแตกต่างกันออกไปหากเป็นไวโอลินทรง Strad ที่ทำโดยช่างไวโอลินมาสเตอร์ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับ Guarneri เสียงของ Guarneri จะมีความลึกในเสียงเบส (sul G) มากกว่า Strad ช่างสมัยใหม่จึงนิยมทำทรง Guarneri เพื่อการแข่งขันทำไวโอลินของ VSA (violin society of America) ด้วยลักษณะทางกายภาพเข้าของลำตัวที่มีความยาวกว่าทรง Strad ทรง Guarneri จึงให้เสียงเบสที่ลึกและกว้างกว่า รวมถึงลักษณะ F Hole ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

Carlo Testore

Carlo Testore เกิดที่ มิลานบุตรชายของ Carlo Giuseppe Testore ซึ่งเป็นช่างทำไวโอลิน และทำงานในเวิร์คช็อปของครอบครัวภายใต้ "สัญลักษณ์นกอินทรี" บน Contrada Larga ในมิลาน ฝีมือและรูปลักษณ์ของไวโอลินของเขานั้นจัดว่าเป็นงานแบบหยาบมาก
แต่คุณภาพเสียงกับดีมาก หนึ่งในดับเบิลเบสของเขาซึ่งต่อมาได้ถูกบรรเลงและครอบครองโดย Giovanni Bottesini นักดับเบิลเบส และนักประพันธ์เพลงสำหรับดับเบิลเบสที่มีชื่อเสียงระดับโลก เครื่องดนตรีของเขาได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงปี 1715-1745 ไวโอลินของเขามีราคาสูงมาก

 

Guarneri del Gesu

Guarneri del Gesu เป็นช่างทำไวโอลินชาวอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงของเมืองเครโมนา ประเทศอิตาลี มีชื่อเสียงเทียบเคียงได้กับ Antonio Stradivari Giuseppe Guarneri "del Gesu" เป็นหลานชายของ Andrea Guarneri (1626-1698) ที่ได้ร่ำเรียนวิชาการทำไวโอลินกับตระกูล Amati และเป็นลูกศิษย์ของ Nicolo Amati เช่นเดียวกับ Antonio Stradivari ตราสัญลักษณ์บนไวโอลินของ Giuseppe Guarneri ที่มีฉายาว่า del Gesu เนื่องมาจากไวโอลินที่เขาผลิต จะใช้ตราเป็นรูปไม้กางเขนละตินและอักษรย่อ IHS ของคณะเยสุอิต อิล กันโนเน ไวโอลินของ Guarneri del Gesu จัดแสดงอยู่ที่เมืองเจนัว (Genova) ไวโอลินตัวที่มีชื่อเสียงที่สุดของ del Gesu คือ ไวโอลินชื่อว่า Il Cannone Guarnerius (The Cannon)ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1743 เคยเป็นไวโอลินที่ Nicolo Paganini ใช้เล่นจนวาระสุดท้าย ปัจจุบันเป็นสมบัติของเมืองเจนัว และได้รับการจดทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติของอิตาลี

 

G.B. Guadagnini

G. B. Guadagnini ย่อมาจาก Giovanni Battista Guadagnini เกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 1711 เสียชีวิต 18 กันยายน 1786 เป็นช่างทำไวโอลินชาวอิตาเลียน ถือเป็นหนึ่งในช่างฝีมือดีที่สุดในยุคนั้น เขาได้รับยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นช่างทำเครื่องดนตรีแระเภทเครื่องสายที่ยิ่งใหญ่อันดับที่สาม รองจาก Antonio Stradivari และ Giuseppe Guarneri "del Gesu" ครอบครัว Guadagnini เป็นที่รู้จักในเรื่องของไวโอลิน กีตาร์ และแมนโดลิน

 

Nicolo Gagliano

Nicolo Gagliano (active. c. 1730s – 1787) เกิดที่เมือง Napoli แม้ว่าจะมีการถกเถียงเรื่องของวันที่แน่นอน Gagliano เป็นช่างทำไวโอลินชาวอิตาเลียน ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของ Alessandro Gagliano
เขามีผลงานชิ้นโบแดงในเรื่องการทำไวโอลินอยู่มากมาย และโดดเด่นในเรื่องการทำเลียนแบบอยู่บ่อยครั้ง จนบางคนเข้าใจผิดว่าเป็นของ Antonio Stradivari เขาเป็นช่างทำไวโอลินที่มีผลงานมากกว่า Gennaro น้องชายของเขา Nicolo และ Gennaro
ถือเป็นช่างทำไวโอลินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตระกูล Gagliano และมีชื่อเสียงในการทำไวโอลินของเมือง Napoli ถึงแม้ว่าผลงานของเขานั้นไม่ได้มีความสอดคล้องกันในเรื่องของคุณภาพเสมอไป เครื่องดนตรีของเขามีลักษณะโค้งที่ชัดเ จนและเป็นสัดส่วนโดยเฉพาะสกอร์หัวม้วนนั้นมีหมุดยาว
ที่โดดเด่นและเกลียวที่แน่น เขามักจะวางฉลากยี่ห้อขนาดเล็กที่มีการอุทิศทางศาสนาในเครื่องดนตรีของเขา

 

 

Copyright 2006 www.bravomusic.co.th all rights reserved.